ในการทำธุรกิจ สิ่งหนึ่งที่ทำให้แบรนด์เป็นที่น่าสนใจและเป็นที่น่าจดจำ คือ การออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์สินค้าทุกประเภทไม่ควรมองข้าม หากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจเกี่ยวข้องกับผลไม้ การออกแบบกล่องผลไม้ให้ดูโดดเด่น จะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้ไม่น้อยเลย
และสำหรับธุรกิจผลไม้นั้น การเลือกผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์จำเป็นต้องคำนึงถึงเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้สินค้าส่งถึงมือผู้รับได้อย่างปลอดภัยและสมบูรณ์ที่สุด ในบทความนี้ เราได้รวบรวม 3 เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนที่คุณจะสั่งผลิตกล่องผลไม้ จะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้น เรามาดูกันเลยดีกว่า
1. ควรเจาะรูกล่องเพื่อระบายอากาศให้ผลไม้
สำหรับการผลิตกล่องผลไม้ เราจำเป็นต้องเจาะรูเพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพราะหากไม่มีช่องที่ให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก อาจส่งผลต่อคุณภาพของผลไม้ หรืออาจทำให้ผลไม้สุกเร็วก่อนถึงมือผู้บริโภคหรือผู้รับสินค้า ดังนั้น กล่องผลไม้ที่ดีควรมีการไดคัทเจาะรูเพื่อระบายอากาศให้ผลไม้ด้วย
การเจาะรูแบบไดคัทนั้นสามารถเจาะให้เป็นรูปร่างตามต้องการ ทั้งสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม วงกลม บางแบรนด์อาจจะเจาะรูเป็นรูปผลไม้ต่างๆ เลยก็ได้ นอกจากจะสวยงามและสร้างสรรค์แล้ว ยังช่วยระบายอากาศได้อีกด้วย
• กล่องไดคัทหูหิ้ว-ก้นขัด หรือ กล่องไดคัทหูหิ้ว-2 in 1
ช่วยให้ถือกล่องได้สะดวก เหมาะมือ สะดวกแก่การซื้อหน้าร้านแล้วถือกลับได้เลย หรือซื้อเป็นของฝาก มีการไดคัทเจาะรูเพื่อระบายอากาศ อีกทั้งยังสะดวกต่อการจัดส่งไปรษณีย์ได้อีกด้วย เหมาะกับผลไม้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น แอปเปิ้ล มังคุด หรือ เมล่อน โดยน้ำหนักรวมไม่เกิน 1-3 กิโลกรัม
• กล่องฝาชน ไดคัทเจาะรูมือจับ
ลักษณะเป็นกล่องทรงไปรษณีย์ฝาชนทรงสี่เหลี่ยม มีการไดคัทเจาะรูสำหรับสอดมือจับทั้งด้านซ้ายและขวาของกล่อง เพื่อให้หิ้วได้สะดวกและถือเป็นการระบายอากาศเพื่อไม่ให้เกิดความชื้นไปในตัว นิยมบรรจุผลไม้ในปริมาณและน้ำหนักที่เยอะ และด้วยรูปแบบกล่องที่มีความแข็งแรงและเหมาะสำหรับการขนส่ง จึงทำให้กล่องทรงนี้เป็นที่นิยมในการนำไปบรรจุสำหรับการจัดส่ง เหมาะกับผลไม้ทุกชนิด โดยมีน้ำหนักตั้งแต่ 2-10 กิโลกรัม
• กล่องไดคัททรงต่างๆ พร้อม ไส้กล่อง – SuperLock
กล่องผลไม้ไดคัทมีหลายทรง และทุกรูปแบบสามารถเพิ่มไส้กล่อง (SuperLock) เพื่อล็อคผลไม้ให้อยู่ในช่องภายในกล่องไม่กลิ้งไปมา ลดการกระแทกกันระหว่างผลไม้ลูกใหญ่เช่น ทุเรียน และเมล่อน และเพื่อความสวยงามของการจัดเรียงผลไม้ภายในกล่อง สร้างความประทับใจในการส่งมอบไปถึงมือผู้รับผลไม้
2. เลือกเกรดกระดาษทำกล่องผลไม้ให้เหมาะสม
เกรดกระดาษ KW
สำหรับการผลิตกล่องผลไม้นั้น แนะนำให้เลือกเกรดกระดาษสำหรับการบรรจุผลไม้โดยเฉพาะ เพื่อป้องกันความชื้น และเพื่อความแข็งแรง ตัวอย่างเกรดกระดาษสำหรับการนำไปผลิตกล่องผลไม้ เช่น
เกรดกระดาษ KA
มีลักษณะเป็นกระดาษคราฟท์สีน้ำตาลทอง (สีเหมือนกล่องไปรษณีย์ไทย) เป็นกระดาษที่ทำมาจากกระดาษรีไซเคิล 100% เช่นกัน มีจุดเด่นของกระดาษชนิดนี้ คือ ความเหนียว แข็งแรง ทนทาน สามารถกันความชื้นได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับทุกเกรดกระดาษ จึงนิยมนำมาทำเป็นกล่องผลไม้ ถือเป็นเกรดกระดาษมาตรฐานส่งออกเลยทีเดียว
Photos Credit : Pinterest