

การเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคครั้งนี้ไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงถาวรที่เกิดจากความตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลก็เริ่มออกนโยบายเข้มงวดเรื่องการลดขยะพลาสติก ธุรกิจที่ยังคิดว่าเรื่อง Packaging เป็นแค่ “ของตกแต่ง” อาจจะตื่นตัวสายเกินไป และนี่คือโอกาสที่กล่องลังกระดาษจะเข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนเกมสำหรับธุรกิจไทย ไม่ใช่แค่เพราะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่เพราะมันสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน เพิ่มมูลค่าให้แบรนด์ และเตรียมธุรกิจให้พร้อมสำหรับอนาคตที่การรักษ์โลกไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ


ทำไมการเลือกบรรจภัณฑ์กล่องลังกระดาษถึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าทางเลือกอื่น?
หลายคนอาจสงสัยว่า กล่องลังกระดาษดีกว่าบรรจุภัณฑ์อื่นตรงไหนกันแน่ ในหัวข้อนี้เราขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้ทุกท่านได้อ่านกัน ตามหัวข้อด้านล่าง
• การเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค เนื่องจากเป็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงถาวรที่เกิดจากความตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลก็เริ่มออกนโยบายเข้มงวดเรื่องการลดขยะพลาสติก ธุรกิจที่ยังคิดว่าเรื่องนี้ เป็นแค่ “ของตกแต่ง” อาจจะตื่นตัวสายเกินไป และนี่คือโอกาสที่กล่องลังกระดาษจะเข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนเกมสำหรับธุรกิจไทย และเตรียมธุรกิจให้พร้อมสำหรับอนาคตที่การรักษ์โลกไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็น
• วงจรชีวิตที่สั้นและเป็นมิตร (Short Life Cycle) กล่องลูกฟูกนั้นสามารถใช้ซ้ำๆ ได้ และเมื่อส่งกระดาษลูกฟูกที่ถูกใช้แล้วเข้ากระบวนการรีไซเคิล ก็จะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในรูปแบบของกระดาษลูกฟูกได้อีกครั้ง แต่หากถูกทิ้งกล่องลังกระดาษไปในธรรมชาติก็จะสามารถใช้เวลาย่อยสลายไปตามธรรมชาติในระยะเพียง 2-6 เดือน ในขณะที่กล่องโฟมหรือพลาสติกใช้เวลาหลายร้อยปี เวลาที่ลูกหลานเราเกิดมา พลาสติกที่เราใช้วันนี้อาจจะยังอยู่บนโลกนี้เลย• ที่น่าสนใจคือ การผลิตจากวัสดุรีไซเคิล กล่องกระดาษย่อยสลายส่วนใหญ่ผลิตจากเยื่อไม้รีไซเคิลถึง 70-90% ซึ่งหมายความว่าเราใช้ทรัพยากรใหม่น้อยลง และช่วยลดปัญหาขยะในเวลาเดียวกัน
• การปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากการศึกษาพบว่า การผลิตกล่องลังกระดาษปล่อย carbon footprint น้อยกว่าการผลิตพลาสติก โดยเฉพาะเมื่อคิดรวมกระบวนการรีไซเคิลด้วย
• อีกข้อดีที่มักถูกมองข้ามคือ ความปลอดภัยต่อสุขภาพ กล่องลังกระดาษไม่มีสารเคมีอันตรายที่อาจสะสมในอาหารหรือผลิตภัณฑ์ เหมือนที่เกิดขึ้นกับบรรจุภัณฑ์พลาสติกบางประเภท

เทรนด์ความใส่ใจสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคไทยที่เปลี่ยนไป
จากรายงานผลสำรวจของ PwC Global Consumer Insights Survey (2023) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มคน New Generation พบว่าผู้บริโภคมากกว่า 80% ยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และกว่า 40% ของผู้บริโภค พร้อมจ่ายเพิ่มได้ถึง 10% กลุ่ม Gen Z และ Millennials มีความพร้อมจ่ายเพิ่มสูงกว่า
• กลุ่ม Gen Y คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523-2540 และ Gen Z คือ คนที่เกิดหลัง พ.ศ. 2541-2565 เป็นกำลังซื้อหลักที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมนี้มากที่สุด พวกเขาดูที่ Packaging เป็นมิตรสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในปัจจัยการตัดสินใจซื้อ และยังชอบแชร์ใน Social media อีกด้วย
• การเปลี่ยนแปลงจากนโยบายภาครัฐ ที่ลดการใช้พลาสติกและส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ก็เป็นอีกปัจจัยที่ผลักดันให้ธุรกิจต้องปรับตัว แทนที่จะรอให้กฎหมายบังคับ การเตรียมตัวล่วงหน้าจะทำให้เราได้เปรียบคู่แข่งในระยะยาว


แนวโน้มอนาคตของบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกในไทย
กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า ตลาดบรรจุภัณฑ์กระดาษในไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ยเกือบ 5.3% ต่อปีในช่วงปี 2568 – 2570
• นวัตกรรมที่น่าจับตามอง คือการพัฒนากล่องลังที่มีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น Water-resistant coating จากธรรมชาติ, กล่องที่สามารถปลูกพืชได้เมื่อใช้งานเสร็จ, และการใช้เทคโนโลยี Nano ทำให้กล่องบางลงแต่แข็งแรงขึ้น
• การรวมตัวของอุตสาหกรรม เราจะเห็นการ Collaborate มากขึ้นระหว่างผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กับบริษัทรีไซเคิล เพื่อสร้าง Closed-loop system ที่มีประสิทธิภาพ และการมีบทบาทต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ ที่ทำให้ภาคธุรกิจปรับตัวอย่างต่อเนื่องผ่านแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green Economy)
• Smart Packaging คือเทรนด์ใหม่ที่การใส่ QR code หรือ NFC tag ในกล่องลัง เพื่อให้ลูกค้าสามารถ Track การรีไซเคิลหรือได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
• ที่น่าสนใจคือ Government initiatives ที่รัฐบาลไทยเริ่มมี Tax incentive สำหรับธุรกิจที่ใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก และมีแผนที่จะมี Carbon credit system สำหรับการลด Packaging waste ในอนาคตอันใกล้

