เป็นที่ทราบกันดีว่ากระดาษลูกฟูกนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในส่วนของธุรกิจออนไลน์ที่จำเป็นจะต้องใช้กล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับจัดส่งสินค้า เมื่อได้รับความนิยมแบบนี้เชื่อว่าหลายๆ ท่านก็ยังไม่ทราบว่ากระดาษลูกฟูกที่นำมาผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์นั้นมีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร และลอนตรงกลางมีเพื่ออะไร วันนี้เราจะมาแนะนำกระดาษลูกฟูกให้ได้รู้จักกันมากขึ้น
กระดาษลูกฟูกคืออะไร ?
กระดาษลูกฟูก เป็นกระดาษที่ผลิตขึ้นมาด้วยการนำกระดาษคราฟท์ 3 ชิ้น ประกบกันด้วยกาวพิเศษ ประกอบด้วยกระดาษคราฟท์ด้านหน้า-ตรงกลาง-ด้านหลัง โดยกระดาษตรงกลางถูกทำให้เป็นคลื่นลอนเพื่อรองรับแรงเสียดทาน แรงกระแทกจากการขนส่ง ในปัจจุบันนี้กระดาษลูกฟูกได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะสามารถนำไปผลิตได้ง่ายด้วยคุณสมบัติที่สามารถดัด งอ พับ ทำให้เป็นรูปทรงต่างๆ ได้สวยงาม
กระดาษลูกฟูกนั้น มี 3 ประเภท ด้วยกันดังนี้
กระดาษลูกฟูกแบบ 2 ชั้น
กระดาษลูกฟูกประเภทนี้จะผลิตขึ้นจากกระดาษคราฟท์ 1 แผ่น ประกบด้วยกระดาษลอน 1 แผ่น กระดาษลูกฟูกชนิดนี้ มักนิยมนำไปใช้เฉพาะรองกันกระแทกสินค้าที่บรรจุอยู่ในกล่องเท่านั้น เพื่อเสริมความแข็งแรงด้วยเช่นกัน และกระดาษลูกฟูกแบบ 2 ชั้นนี้ ยังถูกนำไปใช้ในการประกบกระดาษพิมพ์สวยชนิดอื่น (งานพิมพ์ระบบOffset) อย่างกระดาษอาร์ตการ์ด หรือกระดาษแป้ง เพื่อให้กล่องบรรจุภัณฑ์มีลวดลายที่สวยงาม คมชัดเท่ากับนิตยสาร และคงทนเท่ากับกล่องพัสดุมาตรฐานเพื่อใช้ในการขนส่งได้ดี
กระดาษลูกฟูกแบบ 3 ชั้น
กระดาษลูกฟูกประเภทนี้จะผลิตขึ้นจากกระดาษคราฟท์ 3 ชิ้น ประกบกันด้วยกาวพิเศษ ประกอบด้วยกระดาษคราฟท์ด้านหน้า-ตรงกลาง-ด้านหลัง โดยกระดาษตรงกลางถูกทำให้เป็นคลื่นลอนเพื่อรองรับแรงเสียดทาน แรงกระแทกจากการขนส่ง ดังนั้นกระดาษลูกฟูกชนิดนี้ จึงนิยมนำไปผลิตเป็นกล่องบรรจุภัณฑ์โดยใช้บรรจุสินค้าที่มีนำหนักหน้อยไปถึงปานกลาง และที่เราพบเห็นกล่องกระดาษลูกฟูกทั่วๆ ไป ส่วนมากก็มักผลิตมาจากกระดาษลูกฟูกแบบ 3 ชั้น
กระดาษลูกฟูกแบบ 5 ชั้น
ลอนลูกฟูกมีไว้ทำอะไร จำเป็นต้องมีเสมอไปหรือไม่ ?
อย่างที่หลายๆ คนทราบกันอยู่แล้วบ้าง ว่าในการนำเส้นโค้งต่างๆ มาปรับให้พอดีก็สามารถช่วยให้เกิดความแข็งแรงและรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ลอนลูกฟูกเองก็เช่นกัน เมื่อนำลอนกระดาษลูกฟูกมาประกบกับกระดาษแผ่นเรียบนั่นย่อมทำให้เกิดความยืดหยุ่น เพื่อสร้างให้เกิดความแข็งแรง ทนทาน และรองรับน้ำหนักหรือแรงกดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
โดยปกติแล้วลอนลูกฟูกนั้นหากมีขนาดที่ใหญ่ (เทียบลอนBC และลอนB/ ลอนC) ก็ยิ่งจะมีความแข็งแรงมากกว่าขนาดเล็ก และในขณะเดียวกันนั้นลอนลูกฟูกที่มีขนาดเล็ก (ลอนE) ก็ทำให้กล่องดูพรีเมี่ยมมากกว่าลอนลูกฟูกขนาดใหญ่ และลอนลูกฟูกที่นิยมนำไปผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ มีการแบ่งตามประเภทความหนาได้ดังนี้
• ลอน E
ลอนชนิดนี้พิมพ์สวยและพรีเมี่ยม เนื่องจากมีขนาดเล็กและบางคล้ายกระดาษอาร์ดการ์ดและกระดาษแป้ง แต่สามารถรองรับน้ำหนักได้ดีกว่า ถึง 1-3 กก.* และราคาต้นทุนค่อนข้างที่จะถูกกว่า ลอนชนิดนี้ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นกล่องสำหรับส่งไปรษณีย์โดยตรง เนื่องจากรับแรงกระแทกได้ไม่ดี
• ลอน B
ลอนชนิดนี้เป็นที่นิยมในการนำไปใช้งาน เนื่องจากสามารถรองรับน้ำหนักได้ 3-5 กก.* ความหนาของลอนไม่มากจนเกินไป ยังนำมาใช้ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ได้สวยและดูพรีเมี่ยม เนื่องจากรองรับการพิมพ์ได้สวย นิยมใช้สำหรับส่งไปรษณีย์
• ลอน C
ลอนชนิดนี้สามารถรองรับน้ำหนักได้มากถึง 3-7 กก.* และรับแรงกระแทกได้ดี แต่อาจจะรองรับการพิมพ์ได้เพียงปานกลางเท่านั้น นิยมใส่สินค้าที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก และส่งไปรษณีย์
• ลอน BC
ลอนชนิดนี้คือการนำลอนB และลอนC มาประกบกัน ทำให้มีความหนามากถึง 5 ชั้น สามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่า 40-50 กก.
* การรองรับน้ำหนักขึ้นกับ 1)รูปทรงกล่อง 2)แกรมกระดาษ 3)การเรียงวางทับซ้อนกันของกล่อง
จะเห็นได้ว่าลอนกระดาษลูกฟูกเองก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างและหลากหลายมากทีเดียว ไม่เพียงแต่กระดาษคราฟท์เท่านั้นที่มีความสำคัญต่อการผลิตเป็นกระดาษลูกฟูก และกระดาษลอนเองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะนอกจากจะช่วยเสริมยืดหยุ่นและความแข็งแรง เพื่อรองรับน้ำหนักได้แล้วนั้น ขนาดของลอนแต่ละประเภทก็แตกต่างกัน ควรได้รับคำแนะนำเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสินค้าและรูปทรงของกล่อง ก็จะทำให้สินค้าดูพรีเมี่ยมในขณะที่ต้นทุนในการผลิตไม่สูงอีกด้วย
#กล่อง #ออกแบบกล่อง #ผลิตกล่อง #กล่องกระดาษ #กล่องบรรจุภัณฑ์ #กล่องพัสดุ #กล่องไปรษณีย์ #กล่องลูกฟูก #กล่องสั่งทำ #กล่องราคาถูก #กล่องไดคัท #กล่องอาหาร #กล่องผลไม้ #กล่องเบเกอรี่ #กล่องเสื้อผ้า #กล่องกระเป๋า #กล่องรองเท้า #กล่องรักษ์โลก
Photos Credit : Pinterest