ยุคของธุรกิจ “ขายออนไลน์” ในปัจจุบันนี้การจัดส่งสินค้าผ่านทางช่องทางไปรษณีย์หรือขนส่งเอกชนต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลย เพราะไม่ว่าผู้รับจะอยู่ที่ไหน สินค้าเป็นสินค้าประเภทใด ก็สามารถทำให้การขายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น แต่การส่งสินค้าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน ตั้งแต่เรื่องของการเลือกใช้วัสดุสำหรับแพ๊คสินค้า ไปจนถึงการส่งสินค้ากับทางบริษัทขนส่ง หากแพ๊คสินค้าไม่ดี
เมื่อส่งสินค้าไปแล้ว อาจได้รับการกระแทกจากการขนส่ง เกิดความชำรุด เสียหาย และถูกลูกค้าตีสินค้ากลับ ส่งผลให้เกิดความเสียหายหลายอย่างตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา และเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ตามมา แต่เอาล่ะ! วันนี้เราได้รวม 7 เทคนิคสุดยอดการส่งสินค้าแบบมือโปร ฉบับขายออนไลน์ มาแบ่งปันให้พ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ทุกท่าน รับรองว่าปัญหาจุกจิกในเรื่องของการจัดส่งสินค้าจะหมดไปอย่างแน่นอน
การเลือกใช้ประเภทกล่องลูกฟูกให้เหมาะสมกับสินค้า
การเลือกใช้กล่องแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการจัดส่งสินค้า เกรดกระดาษ และลอนของกระดาษ มีผลต่อการรองรับแรงกระแทกจากการขนส่งอย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่นสินค้าบางประเภทที่มีน้ำหนักมากเกิน 15 กิโลกรัม จำเป็นต้องใช้กล่องกระดาษที่มีเกรดกระดาษพิเศษ และลอนหนาขึ้นโดยปรับจาก 3 ชั้นเป็นลอน 5 ชั้น เป็นต้น เพื่อให้รองรับน้ำหนักของสินค้าภายในได้เป็นอย่างดี และช่วยให้สินค้าภายในกล่องถึงมือผู้รับในสภาพที่เสียหายน้อยที่สุด
การเลือกขนาดกล่องให้พอดีกับสินค้า
การเลือกใช้กล่องที่มีขนาดพอดีกับสินค้า หรือออกแบบการจัดวางภายในด้วยนวัตกรรม SuperLock จะช่วยลดพื้นที่ว่าง ไม่ให้สินค้าภายในกล่องกลิ้งไปมา รวมถึงไม่ให้กล่องยุบหรือบุบจากการถูกกดทับของกล่องอื่นๆ ในระว่างช่วงขนส่งได้ เมื่อสินค้าวางใส่พอดีในกล่องแล้ว แน่นอนว่าช่วยป้องกันสินค้าเสียหาย และยัง..
- ช่วยลดการใช้ Bubble ห่อกันกระแทก ที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน
- ช่วยประหยัดเวลาแพ๊คสินค้า
- ช่วยลดความเสี่ยงการตีกลับสินค้าเสียหาย
- ช่วยลดต้นทุนของกล่อง และการขนส่งได้ เพราะกล่องขนาดใหญ่กว่าสินค้าเกินไป อาจทำให้เสียต้นทุนกล่องเพิ่มขึ้น และกล่องเล็กยังมีต้นทุนการจัดส่งที่ต่ำกว่ากล่องใหญ่อีกด้วย
ตรวจสอบความแน่นหนาด้วยการเขย่ากล่อง
การเขย่ากล่องเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่จะสามารถช่วยตรวจสอบความหนาแน่นการแพ๊คสินค้าภายในกล่องได้ หลักการสังเกตง่ายๆ คือ หากเขย่ากล่องที่แพ็คแล้ว สินค้าภายในกล่องยังสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้ นั่นแสดงว่ายังแพ็คไม่แน่นหนาดีพอ อาจจะแก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยการให้กระดาษหนังสือพิมพ์ หรือกระดาษฝอยยัดเข้าไปในกล่องเพิ่ม เพื่อปิดช่องว่างระหว่างกล่องและสินค้า หรืออาจจะเปลี่ยนขนาดกล่องให้พอดีกับสินค้า และอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยทดสอบการตกกระแทกของกล่องได้นั่นคือ ออกแบบกล่องให้พอดีกับกล่อง และทดสอบด้วยนวัตกรรม “Droptest” เทคโนโลยีใหม่ที่ใช้เพื่อทดสอบการตกกระแทกของกล่องทั้ง 8 มุม เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าไม่แตกหรือชำรุดเสียหาย
การเลือกใช้ Bubble เพื่อกันกระแทก
ในกรณีที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มีสินค้าขายที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดจนไม่สามารถออกแบบการจัดวางภายในแบบ SuperLock ได้นั้น แน่นอนว่า Bubble สำหรับห่อกันกระแทก ยังเป็นตัวเลือกที่ง่ายและสะดวกต่อการแพ๊คสินค้า ช่วยลดความเสี่ยงที่สินค้าภายในกล่องเสียหายได้
การซีลเทปปิดกล่องให้แน่นหนา
อย่าลืมว่าเมื่อบรรจุสินค้าลงในกล่องพัสดุแล้ว ควรจะปิดกล่อง และซีลปิดฝาด้วยเทปกาว หรือทากาวให้หนาแน่นจนมั่นใจได้ว่า ฝากล่องแนบชิดสนิทแน่นอน และซีลกาวนั้นจะไม่เปิดอ้าในภายหลัง การแพ็คกล่องให้แน่นหนานั้นไม่เพียงแต่เพิ่มการป้องกัน ว่ากล่องแพ๊คอย่างพอดี และสินค้าไม่มีโอกาสหล่นออกมา แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการแอบแกะดูสินค้าด้านในระหว่างจัดส่งอีกด้วย
เขียนหรือติดป้าย “ระวังแตก”
สำหรับการจัดส่งสินค้าที่แตกง่าย การติด ระวังแตก หรือ FRAGILE ไว้ที่หน้ากล่อง ก็สามารถช่วยเตือนให้พนักงานขนส่งนั้นระมัดระวังได้อีกทางเช่นกัน
ระบุชื่อที่อยู่ให้ชัดเจน
สิ่งสุดท้ายที่จะมองข้ามไม่ได้เลย นั่นก็คือชื่อผู้รับ ที่อยู่ผู้รับ และเบอร์ที่สามาถติดต่อได้ อย่างชัดเจน และต้องไม่ลืมที่จะใส่เบอร์โทรของผู้ส่ง ลงไปด้วย เพื่อความสะดวกในการติดต่อ และช่วยให้กล่องพัสดุของเรานั้นไม่โดนตีกลับ และช่วยให้พนักงานขนส่งทำงานได้ง่ายขึ้นด้วย
สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องจัดส่งสินค้าอยู่เป็นประจำ ก็อย่าลืมนำ 7 เทคนิคแบบฉบับมือโปรนี้ไปใช้ในการเตรียมจัดส่งสินค้า รับรองว่าสินค้าถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็วและไม่โดนตีกลับอย่างแน่นอน
Photos Credit : Pinterest