เมื่อพูดถึงเรื่องกระดาษในยุคนี้ หลายคนคงกำลังมองหาตัวเลือกกระดาษรักษ์โลกที่สามารถย่อยสลายได้ 100% และคนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงกระดาษคราฟท์ อีกทั้งกระดาษคราฟท์นั้นยังมีเสน่ห์เฉพาะตัว ด้วยสีน้ำตาลจากเยื่อไม้ ทำให้ดูเป็นกล่องกระดาษคราฟท์ ที่เป็นกล่องไดคัทที่ดูมีความคลาสสิค แถมยังแสดงถึงความโดดเด่นด้วย ลักษณะเฉพาะของความเป็นกระดาษคราฟท์ ทั้งเนื้อสัมผัส และสีของกระดาษเอง แต่กล่องกระดาษคราฟท์นั้นรักษ์โลกจริงหรือเปล่านะ? วันนี้เรามาหาคำตอบกัน!
ประเภทของกระดาษคราฟท์
ก่อนอื่นที่เราจะไปค้นหาคำตอบว่ากระดาษคราฟท์นั้นรักษ์โลกจริงหรือไม่ เราต้องมาดูก่อนว่ากระดาษคราฟท์นั้นแบ่งออก 2 ประเภท คือ
กระดาษคราฟท์ที่นำมาใช้เป็นส่วนประกอบของกล่องลูกฟูก
กระดาษคราฟท์นอกจากจะสามารถนำไปผลิตขึ้นรูปเป็นกล่องกระดาษคราฟท์ได้แล้ว ยังถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตกล่องลูกฟูก โดยส่วนของกระดาษคราฟท์ที่นำไปใช้เป็นส่วนประกอบ คือ นำไปประกบกับลอนลูกฟูก ซึ่งกระดาษคราฟท์ชนิดนี้ผลิตมาจากกระดาษรีไซเคิล มีความเหนียวมากกว่ากระดาษทั่วไป โดยมีทั้งแบบสีน้ำตาลตามสีของเยื่อไม้ที่ใช้ในกระบวนการผลิต หรืออาจผสมเยื่อทำให้เป็นคราฟท์สีขาว โดยกล่องลูกฟูกเหล่านี้เป็นกล่องที่เราเห็นกันจนชินตา โดยยังสามารถนำไปผลิตเป็นกล่องไดคัทหลากหลายรูปแบบ ได้อีกด้วย
กระดาษคราฟท์ที่เรียกว่า Kraftpak (KP)
กระดาษคราฟท์ประเภทนี้ ได้รับมาตรฐานสากล FDA องค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วว่าสามารถสัมผัสอาหารได้โดยตรง ผ่านการรับรองมาตรฐาน Food Grade โดยKP กระดาษเป็นโทนสีน้ำตาลเข้ม เนื้อกระดาษเหนียวและแกร่ง แตกต่างไปจากกระดาษทั่วไป เนื่องจากผลิตมาจากเยื่อไม้ธรรมชาติไม่ผ่านการฟอกสี ไม่มีสารเคลือบผิวหน้ากระดาษ มีความหนากระดาษที่นิยมนำมาทำกล่องบรรจุภัณฑ์อยู่ที่ 230 / 300 / 350 แกรม โดยนิยมนำกระดาษ KP มาผลิตเป็นกล่องไดคัท รูปแบบต่างๆ สำหรับบรรจุอาหารใส่โดยตรงอย่างปลอดภัย
ความแตกต่างของกระดาษคราฟท์ทั้ง 2 ประเภท
กระดาษคราฟท์ทั้ง 2 ประเภทแตกต่างกันอย่างไร PICK A BOX มีคำตอบมาให้เพื่อนๆ คลายสงสัยกัน
กระดาษคราฟท์ส่วนประกอบของกระดาษลูกฟูก
กระดาษคราฟท์ที่นำมาเป็นส่วนประกอบของกล่องลูกฟูก กล่องไดคัทรูปทรงต่าง ๆ นั้นอาจไม่ได้ถูกรับรองว่าเป็น Food Grade เนื่องจากผลิตมาจากกระดาษรีไซเคิล ทำให้หลายๆ แบรนด์ที่ทำธุรกิจอาหาร ที่มีกล่องกระดาษคราฟท์ลูกฟูก มักต้องหากระดาษมารองก้นกล่องก่อนใส่อาหาร นอกจากความแข็งแรงของกล่องแล้ว กระดาษคราฟท์นี้ก็มีข้อดีอีกข้อ คือ เป็นกระดาษรีไซเคิลที่สามารถนำมาใช้ใหม่ สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สามารถย่อยสลายได้ 100% จึงเป็นกระดาษรักษ์โลก ที่ไม่เป็นพิษภัยต่อสิ่งแวดล้อม
กระดาษคราฟท์ Kraftpak สำหรับบรรจุอาหาร
กระดาษ Kraftpak ที่นำมาบรรจุอาหารนั้นได้รับการรับรองและผ่านมาตรฐานสากลว่าสามารถนำมาบรรจุอาหารได้อย่างปลอดภัย ไร้สารพิษ ไร้อันตราย ด้วยคุณสมบัตินี้ เราจึงมักจะเห็นกระดาษคราฟท์ชนิดนี้ถูกนำไปแปรรูปและผลิตเป็นกล่องใส่อาหาร ทั้งรูปทรงกล่องสี่เหลี่ยม หรือรูปแบบถ้วย ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของการใช้งาน
กระดาษ Kraftpak เหมาะนำไปใส่อาหารทั่วไปได้ไม่มีปัญหา แต่หากจะนำไปใส่อาหารที่มีลักษณะเป็นของเหลว อย่างซุป หรือน้ำจิ้ม อาจต้องผ่านการเคลือบฟิล์มพลาสติก PE เกรด Food Grade เพื่อกันน้ำซึมเสียก่อน เนื่องจากฟิล์มที่ใช้เคลือบมีพลาสติกเป็นส่วนประกอบหลักที่ช่วยป้องกันการรั่วซึมของน้ำและของเหลวต่าง ๆ ดังนั้น กระดาษคราฟท์ที่ผ่านการเคลือบฟิล์ม PE จึงอาจย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ได้ช้ากว่ากระดาษที่ไม่เคลือบฟิล์มเลย
ดังนั้น เราจึงสรุปได้ 2 ประเด็นว่า กล่องกระดาษคราฟท์นั้นมีทั้งที่สามารถย่อยสลายได้ 100% และที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ 100%
- กล่องกระดาษคราฟท์ลูกฟูก และกล่องกระดาษคราฟท์ Kraftpak ที่ไม่ได้ผ่านการเคลือบฟิล์มพลาสติก PE กันน้ำซึม จะสามารถย่อยสลายได้ 100%
- กล่องกระดาษคราฟท์ที่ผ่านการเคลือบฟิล์ม PE เกรด Food Grade เพื่อกันน้ำซึม จะย่อยสลายได้ช้ากว่า หากฟิล์มเคลือบพลาสติกไม่ใช่พลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เนื่องจากการย่อยสลายจะใช้เวลานานกว่ามาก และย่อยสลายได้ตามสภาวะดิน สภาวะอากาศ และอุณหภูมิที่เหมาะสมเท่านั้น